
สมาชิกเฟซบุ๊ก “Sukanya Saecheah” ได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดหดหู้ของคุณป้าท่านหนึ่ง โดยระบุว่า ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือนางจันทร์เพ็ญ ประริวันตะโก อายุ 42 ปี เป็นชาว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกสามีเอาน้ำมันราดตัวจนไฟลุกไหม้คลอกร่างอาการสาหัส และมีชาวบ้านช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้บอกว่าให้ญาติเตรียมใจ ส่วนทางผู้บาดเจ็บที่ยังมีสติอยู่ก็อยากจะพบหน้าลูกสาวที่ทำงานอยู่ใน กทม. ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เพราะไม่ได้ติดต่อมากว่า 1 ปีแล้ว
ก่อนหน้านี้ นางจันทร์เพ็ญ ได้ไปแต่งงานอยู่กินกับสามีคนที่ 2 ชื่อ นายทร ยาติกา ที่ จ.น่าน โดยวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ นางจันทร์เพ็ญ เข้าควรทอดปลาอยู่นั้น นายทร ก็ได้เดินมาแล้วเอาน้ำมันเบนซินราคที่ตัว จนสะเก็ดไฟที่เตาทอดปลาลามไหม้ไปทั้งตัวอย่างรวดเร็ว จนหูข้างหนึ่งถูกไฟไหม้จนหายไป และผิวหนังตั้งแต่ศรีษะ ใบหน้า ลำคอ หน้าอก เสียหายอย่างหนัก ก่อนที่ญาติจะพาตัวส่งโรงพยาบาล
ซึ่งนางจันทร์เพ็ญ ได้ทุกข์ทรมาณอย่างแสนสาหัส ถึงขั้นเขียนหนังสือบอกญาติว่าให้แพทย์ช่วยฉีดยาให้เธอตายไปเสีย เพราะเธอไม่อาจจะทนความเจ็บปวดได้ อีกทั้งเธอเขียนบอกขอพบหน้าลูกสาวของเธอ ชื่อ น.ส.พรพิมล เรืองศรีหมั่น หรือหมิว อายุ 23 ปี ทำงานอยู่แถวถนนรัชดาภิเษก กทม. โดยไม่ได้พบหน้า หรือติดต่อกันมาเกือบ 1 ปีแล้ว ส่วนเบอร์โทรที่ให้ไว้ก็ติดต่อไม่ได้ ทางญาติวอนชาวเน็ต และผู้ใหญ่ทุกท่าน รวมถึงสื่อสารมวลชนทุกแขนงที่มีช่องทางส่งข่าว ได้โปรดช่วยเป็นกล่องเสียงส่งข่าว เพื่อให้ข่าวนี้ทราบไปถึงผู้ที่รู้จักกับ น.ส.พรพิมล ให้เธอรีบไปร.พ.จังหวัดน่าน เพื่อดูแม่ของเธอที่ป่วยหนักโดยเร่งด่วน
สำหรับกรณีด้านผู้กระทำผิดยังลอยนวล ญาติของผู้บาดเจ็บ ได้เล่าว่าหลังเกิดเหตุยังไม่ได้เข้าแจ้งความ เนื่องจากทางญาติผู้ก่อเหตุบอกห้ามไปแจ้งความ เธอเกรงจะไม่ปลอดภัยเพราะที่ จ.น่าน มีแต่ญาติๆ ของผู้ก่อเหตุ อีกทั้งญาติและแม่ไม่มีผู้คนที่รู้จักใน จ.น่าน ทำอะไรก็ไม่ถูก เดินทางไปก็ยังไม่ถูก เพราะไม่เคยเดินทางไปภาคเหนือ รวมถึงไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แม่และพี่สาวของผู้บาดเจ็บวิงวอนขอให้ชาวเน็ตและสื่อมวลชน เป็นสื่อช่วยให้ผู้รู้กฏหมายโปรดช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย อีกทั้งช่วยพาลูกสาวกลับมาดูใจผู้เป็นแม่ที่นอนบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้ได้ทันเวลา